จะครบกำหนดไถ่ขายฝากแล้ว ยังไม่มีเงินมาไถ่ทำไงดี เป็นคำถามที่ผมเจออยู่มาก ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ขายฝากมาถามนะครับ ผู้รับซื้อฝากบ้างที่ก็มาถามเหมือนกันเพราะผู้ขายฝาก หรือลูกหนี้ได้หนีหายไปนานแล้วจึงเริ่มที่จะรู้ว่าเมื่อถึงเวลาทรัพย์ที่นำมาขายฝากไว้อาจจะหลุดได้
สำหรับการขายฝากสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เมื่อครบกำหนดเวลาไถ่หรือครบสัญญาตามกำหนด ผู้ขายฝากต้องนำเงินมาไถ่ทรัพย์สินคืนมิฉะนั้นแล้ว ทรัพย์สินที่นำไปขายฝากไว้กรรมสิทธิ์จะตกไปยังผู้รับซื้อฝากโดยสมบูรณ์เมื่อครบกำหนดสัญญาขายฝาก
กรณีที่ผู้ขายฝากรู้แน่ชัดว่าตนเองไม่มีเงินมาไถ่ทรัพย์สิน สิ่งที่ผู้ขายฝากควรต้องทำ คือ ให้รีบติดต่อกับผู้รับซื้อฝากโดยทันที เพื่อขอขยายสัญญาขายฝากออกไป โดยในการขยายสัญญาขายฝากนี้ ภาษาราชการที่กรมที่ดินจะเรียกว่า “การขยายกำหนดเวลาไถ่จากขายฝาก”
การขยายกำหนดเวลาไถ่จากขายฝาก หรือ การขยายสัญญานั้นจะมีสาระสำคัญอยู่ 2 เรื่อง คือ
1.การขยายสัญญานี้ ขยายกันเป็นครั้งที่เท่าไหร่ และ
2.ระยะเวลาที่ขยายนานเท่าไหร่
โดยที่กรมที่ดินจะเรียกตรงส่วนนี้ว่า “ขยายกำหนดเวลาไถ่ครั้ง ….. กำหนด ……. ” ยกตัวอย่างเช่น
ขยายกำหนดเวลาไถ่ครั้งที่ 2 กำหนด 6 เดือน ซึ่งจะหมายความว่า สัญญาขายฝากนี้มีการขยายกำหนดเวลาออกไปอีกเป็นครั้งที่ 2 โดยระยะเวลาที่ขยายออกไปมีกำหนดเวลาอีก 6 เดือนนับจากวันที่ครบสัญญา หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง
ขยายกำหนดเวลาไถ่ครั้งที่ 1 กำหนด 1 ปี ซึ่งจะหมายความว่า สัญญาขายฝากนี้มีการขยายระยะเวลาครบกำหนดออกไปเป็นครั้งที่ 1 โดยมีระยะเวลาที่ขยายออกไปให้อีก 1 ปี
แต่สำหรับการขยายสัญญาขายฝากนั้น การขยายจะขยายกันกี่ครั้งก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญตามที่กฏหมายกำหนดไว้คือ ระยะเวลาที่ขายฝากพร้อมทั้งรวมเวลาขยายด้วยแล้วต้องไม่เกิน 10 ปี